รับราชการกับเล่าเสี้ยน ของ เลี่ยว ลี่

ภายหลังจากเล่าปี่สวรรคตในปี ค.ศ. 223[8] เล่าเสี้ยนพระโอรสขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นจักรพรรดิพระองค์ถัดไปของรัฐจ๊กก๊ก หลังการขึ้นครองราชย์ เล่าเสี้ยนแต่งตั้งให้เลี่ยว ลี่มีตำแหน่งเป็นนายพันฉางฉุ่ย (長水校尉 ฉางฉุ่ยเซี่ยวเว่ย์)[9]

เลี่ยว ลี่ประเมินตัวเองไว้สูงมาโดยตลอดและเชื่อว่าตนทัดเทียมกับจูกัดเหลียงผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีของจ๊กก๊กทั้งในด้านความสามารถและเกียรติคุณ แต่เลี่ยว ลี่ก็ตระหนักว่าสถานะของตนในราชสำนักจ๊กก๊กยังด้อยกว่าขุนพลลิเงียมและคนอื่น ๆ เลี่ยว ลี่จึงรู้สึกไม่เป็นสุขอย่างมาก[10]

เหตุหมิ่นประมาท

ครั้งหนึ่งเมื่อขุนนางผู้ช่วยของจูกัดเหลียงคือหลี่ เช่า (李邵) และเจียวอ้วนมาเพื่อหารือกับเลี่ยว ลี่ในบางประเด็น เลี่ยว ลี่บอกกับทั้งคู่ว่า:

"กองทัพจะออกรบในแดนไกล ท่านทั้งหลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนยุทธวิธี ในอดีต จักรพรรดิองค์ก่อน (เล่าปี่) เลือกจะรบกับง่อเพื่อเข้าควบคุมสามเมืองทางใต้แทนที่จะพิชิตฮันต๋ง ท้ายที่สุดพระองค์ก็ยังเสียสามเมืองให้ง่อ เป็นการเสียเวลาและกำลังอย่างสูญเปล่าแก่กองกำลังของเรา เมื่อฮันต๋งล่ม พระองค์ก็ปล่อยให้แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับบุกเข้าเอ๊กจิ๋วและเกือบทำให้เราต้องเสียการปกครองทั้งมณฑลไป แม้ภายหลังยึดฮันต๋งมาได้ พระองค์ก็ล้มเหลวในการกู้คืนศพของกวานโหว (กวนอู) และเสียเซียงหยงให้ข้าศึก กวนอูก็ประเมินตัวเองสูงเกินไปทั้งที่ตนเป็นผู้นำทัพที่ไร้ความสามารถ ทั้งยังหัวแข็งและบ้าบิ่นเกินไป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราแพ้ในยุทธการและเสียไพร่พล คนอย่างเอี่ยงลองและเหวิน กง (文恭) เป็นชนชั้นกลาง เหวิน กงไม่รู้จักบทบาทของตนในฐานะเจ้าหน้าที่ ในอดีต เอี่ยงลองชื่นชมม้าเลี้ยงและน้องชายอย่างมากถึงขั้นขึ้นเทียบกับนักปราชญ์ บัดนี้เขากลายเป็นหัวหน้าเลขานุการ ทุกสิ่งที่เขาทำมีเพียงการพยายามจะทำให้เรื่องราวระหว่างผู้คนราบรื่น กัว เหยี่ยนฉาง (กุยฮิวจี๋) เอาแต่ทำตามผู้อื่นอย่างไร้หัวคิด เขาไม่มีความสามารถในการทำการใหญ่แต่ก็ยังได้เป็นขุนนางมหาดเล็ก บัดนี้จ๊กตกต่ำลง ข้าไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ควรเลยที่จะปล่อยให้สามคนนี้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญเช่นนี้ อองเลี้ยนก็เป็นชนชั้นต่ำ ละโมบและทุจริต หากเขาได้อำนาจก็จะนำความทุกข์ทรมานอย่างมากมาสู่ผู้คน นั่นทำให้เราต้องลงเอยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้"[11]

หลี่ เช่าและเจียวอ้วนรายงานจูกัดเหลียงเรื่องการหมิ่นประมาทของเลี่ยว ลี่ จูกัดเหลียงจึงเขียนฎีกาถวายจักรพรรดิเล่าเสี้ยนว่า:

"นายพันฉางฉุ่ยเลี่ยว ลี่เป็นคนเห็นแก่ตัวและเย่อหยิ่ง เขาวิพากย์วิจารณ์ขุนนางสำคัญเสีย ๆ หาย ๆ และยังว่าร้ายรัฐอย่างเปิดเผยว่าแต่งตั้งคนธรรมดาสามัญแทนที่ผู้มีความรู้และความสามารถในตำแหน่งสำคัญ เขายังกล่าวอีกว่าผู้นำการทหารของเรานั้นเป็นเด็กเหลือขอ เขาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของจักรพรรดิองค์ก่อนและใส่ร้ายขุนนางของเรา หากมีผู้บอกว่ากองทัพของเราฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและกำหนดหน่วยต่าง ๆ อย่างชัดแจ้ง เลี่ยว ลี่จะแสดงสีหน้าเย่อหยิ่งและตอบด้วยความโกรธว่า 'ไม่ควรค่าแก่การกล่างถึงเลย!' นี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขาพูดแบบนี่้ หากแม้แกะเพียงตัวเดียวยังสามารถทำให้แกะทั้งฝูงหลงทางได้ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคนเช่นเลี่ยว ลี่ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงจะไม่ทำให้คนอื่น ๆ ในสังคมหลงผิดและสับสน"[12]

จูกัดเหลียงยังเขียนอีกว่า

"เมื่อครั้งเลี่ยว ลี่รับใช้จักรพรรดิองค์ก่อน เขาไม่มีทั้งความภักดีและความกตัญญู เมื่อครั้งควรจะรักษาเตียงสา แต่กลับทิ้งเมืองปล่อยประตูเปิดไว้ให้ข้าศึกเข้าครอง เมื่อครั้งเขารับราชการในเมืองปากุ๋น ก็มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่น่าสงสัย เมื่อครั้งเขาอยู่ใต้บังคับบัญชามหาขุนพล ก็เอาแต่ใส่ไคล้ผู้คน เมื่อครั้งเขาอยู่เฝ้างานพระบรมศพของของจักรพรรดิองค์ เขาตัดศีรษะบางคนที่อยู่ใกล้พระบรมศพ ภายหลังจากฝ่าบาทขึ้นเสวยราชย์ ทรงแต่งตั้งขุนนางในตำแหน่งสำคัญ ๆ ของราชสำนัก เมื่อเลี่ยว ลี่ทราบว่าเขาได้รับตำแหน่งทางการทหาร ก็บอกกับข้าพระพุทธเจ้าว่า 'ข้าจะเหมาะกับการทหารได้อย่างไร เหตุใดข้าจึงได้รับตำแหน่งในหมู่นายพันทั้งห้าแทนที่จะเป็นเสนาบดี' ข้าพระพุทธเจ้าตอบเขาว่า 'ท่านดำรงตำแหน่งสำคัญในฐานะรองจากขุนพล เหตุที่ท่านไม่ได้เป็นเสนาบดีนั้น ก็จงดูลิเงียมเป็นตัวอย่าง เขาก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีี ท่านเองก็คู่ควรกับตำแหน่งชั้นนายพันทั้งห้าแล้ว' เลี่ยว ลี่จึงเริ่มไม่พอใจนับตั้งแต่นั้น"[13]